ไทยเบฟ ผลักดันอุตสาหกรรมไทยชูสุดยอดการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และเบื้องหลังนวัตกรรมเครื่องดื่มครบวงจร ในงาน “FTI EXPO 2025”

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่มบริษัทไทยเบฟ”)  มุ่งดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตที่ยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” (Enabling Sustainable Growth) โดยคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม  สังคม และหลักธรรมาภิบาล ผ่านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การพัฒนาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การสนับสนุนด้านการศึกษา และกีฬา รวมทั้งการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน

พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมไทย ในฐานะผู้นำธุรกิจเครื่องดื่ม และอาหารที่มั่นคง และยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน (Stable and Sustainable ASEAN Leader) ภายใต้ PASSION 2030 ที่มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสู่สากล และการส่งออกสู่ตลาดโลก ผ่านเครือข่ายการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง ด้วยการยกทัพผลิตภัณฑ์นวัตกรรมร่วมจัดแสดงใน “งานแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี” FTI EXPO 2025 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE  “เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” เวทีสำคัญที่จัดขึ้นโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่เชิญชวนผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และผู้สนใจด้านอุตสาหกรรมร่วมสัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัย กับโอกาสทางธุรกิจจากเครือข่ายพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ

งานนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประธานเปิดงาน FTI Expo 2025 ได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  โดยมี นายโฆษิต สุขสิงห์  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) นายโสภณ ราชรักษา นายอสิ ตัณสถิตย์ นางสาวอรทัย พูลทรัพย์ นายแพทริค หอรัตนชัย นายวิรัช เมฆสัมพันธ์ นางภาวินี ไชยสิทธิ์ และ นางสาวน้ำฝน อังศุธรรังสี ให้การต้อนรับ ณ บูทไทยเบฟ

โดยภายในบูทไทยเบฟ พบกับสุดยอดไฮไลท์ของบูทไทยเบฟที่ได้จำลองบรรยากาศสายน้ำ และผืนป่าต้นน้ำ สะท้อนถึงการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนไปถึงปลายน้ำ และสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนที่จะสามารถคืนน้ำสู่ธรรมชาติ และชุมชนให้ได้ 100% ภายในปี 2583 เทียบเท่ากับปริมาณน้ำในสินค้าเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยได้ร่วมกับมูลนิธิ แม่ฟ้าหลวงสนับสนุนป่าชุมชนกว่า 100,000 ไร่ ที่สามารถช่วยดูดซับน้ำ และป้องกันน้ำท่วม ซึ่งในปีนี้ไทยเบฟยังได้รับการรับรองเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2593 โดย Science Based Targets Initiative หรือ SBTi  ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์ร่วมกันในโซนต่าง ๆ คือ

  • โซน GLOBAL FOOTPRINT ที่แสดงศักยภาพความแข็งแกร่งของผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรทั้งที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ มีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก โรงกลั่นสุรา และโรงงานผลิตสุรา 30 แห่ง โรงงานผลิตเบียร์ 30 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 31 แห่ง 
  • โซน WATER REPLENISHMENT ซึ่งเป็นจอ Touch Screen ที่นำเสนอโครงการคืนสู่ธรรมชาติ และชุมน้ำที่โดดเด่น  อาทิ โครงการบริหารจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ชุมชนเหมืองแม่หาด จ.เชียงใหม่/ โครงการน้ำดื่มสะอาดเพื่อน้องและชุมชนที่ดำเนินการแล้วกว่า 33 โครงการใน 11 จังหวัด และโครงการน้ำสะอาดเพื่อชุมชนที่ดำเนินการทั้งในไทย เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงระบบชลประทานพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเกษตรกรในประเทศเมียนมา
  • โซน Quality of Life โครงการต่าง ๆ ของไทยเบฟที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในชุมชนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์น้ำ เช่น โครงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม (River Festival) ซึ่งเป็นการผสานความร่วมมือหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสา เพื่อสานต่อกิจกรรมคลีนคลองที่ยังได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร และโครงการเก็บกลับ-รีไซเคิล เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อมชุมชน ฟื้นฟูแม่น้ำลำคลองให้กลับมาใสสะอาดอย่างยั่งยืน โครงการฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล  โครงการบริหารจัดการขยะบนเกาะ หรือ ISLAND MODEL เป็นต้น
  • โซน SMART FACTORY ที่นำเทคโนโลยีในการจัดการการจัดเก็บ และดึงสินค้าหรือวัสดุจากคลังสินค้าหรือ พื้นที่เก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval System: ASRS) ที่ขณะนี้ได้เริ่มใช้งานเต็มรูปแบบในคลังสินค้า ทั้งในประเทศมาเลเซีย และศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้กระบวนการ ต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติ และช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • โซน ENERGY MANAGEMENT พบนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงาน ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ได้แก่ โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ หรือ Biogas การใช้ชื้อเพลิงชีวมวล หรือ Biomass ทดแทนพลังงานฟอสซิล รวมถึงการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ solar panel บนหลังคาของโรงงาน และบนผิวน้ำในรูปแบบของ floating solar 
  • โซน NAB INNOVATION กับการนำนวัตกรรม และแนวคิดที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการนำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ อาทิ ผลิตภัณฑ์ เอส โคล่า ที่บรรจุในขวด rPET หรือขวดที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล 100% หรือฝาของขวดชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ และน้ำดื่มคริสตัลที่ถูกออกแบบให้ “ติดอยู่กับขวด” เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติก
  • โซน PRODUCT SHOWCASE ที่ยกกองทัพผลิตภัณฑ์ในเครือไทยเบฟที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาดที่อยู่กับผู้บริโภคทุกช่วงวัย (Always with you ) มาจัดแสดง อาทิ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร แบรนด์สินค้าที่เป็นผู้นำในตลาดอาเซียน ภายใต้แบรนด์ F&N ในสิงคโปร์ และมาเลเซีย, Sabeco ในเวียดนาม, และ Grand Royal ในเมียนมา ล่าสุดกลุ่มธุรกิจสุรายังได้สร้างความภาคภูมิใจให้อุตสาหกรรมไทย ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ PRAKAAN Tribura Series : Select Cask / Double Cask / Peated Malt รังสรรค์ภายใต้ 3 DNA สำคัญที่สะท้อน Thai Craftsmanship และกรรมวิธีการผลิตที่เป็นสากล  PROVENANCE / PRIDE / PASSION เอาใจใส่ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

นอกจากนี้ ยังพบกับกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลง่าย ๆ เพื่อสร้างความรู้เรื่องการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน หรือเซลฟี่กับบูทแล้วโพสต์ลง Facebook หรือ Instagram แล้วติด 2 แฮชแทค #ThaiBev #Alwayswithyou เปิดเป็นสาธารณะ รวมถึงกิจกรรม แชะ แอนด์ แชร์ /กดไลค์ Facebook Fanpage ThaiBev และ Facebook Fanpage Crystal ฯลฯ

มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  และอุตสากรรมไทยสู่ยุคดิจิทัล ผ่านสุดยอดนวัตกรรมอย่างครบครันไปกับบูทไทยเบฟแบบนี้ได้ในงาน “แสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี” FTI EXPO 2025 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00-19.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Hall 5 (Booth No. A2)


ข้อมูลวันที่ 14/02/2025